ทริปล้างใจ EP2 @เวียดนามใต้


ทริปล้างใจ EP.2 เวียดนามใต้


สวัสดี สวีดัส กลับมาอีกแล้วครับท่าน กับการไปคนเดียวเก๋ๆตามประสาผู้สาวขาเลาะ ไม่ได้มาเขียนรีวิวนะ แค่มาเล่า แต่ใครอยากตามไปแบบชิลๆก็ไปกันครับ ทริปนี้เป็นทริปที่เพลนก่อนเดินทาง2วัน ด้วยความที่ว่าว่างมากเลื่อนเฟสบุ๊คไปมาทั้งวันแล้วดันไปเห็นเพจโทร 0 บาท ขางสายการบินเวียตเจ๊ตเลยกดจองดูว่า 0 บาทจริงมั๊ย 5555 (ค่าตั๋ว0บาทแต่รวมภาษีรวมประกันรวมโน่นนี่นั่นก็พันนิดๆ) BKK-SGN ✈️  DLI-BKK มาดูเพลนดีกว่าว่าอ้อมศรีจะไปไหนบ้าง 

ครั้งแรกที่วาดแบบจริงจังมาก

เนื่องจากเพลนก่อนเดินทางแค่2วัน สิ่งแรกคือหาสถานที่ท่องเที่ยวและจองที่พักผ่าน agoda (อ้อมชินกับเวปนี้) เริ่มจากวันเดินทางวันแรก อ้อมเลือกไฟล์ดึกไปลงที่โฮจิมินห์ค่ะ คิดว่าไปถึงก็ชมเมืองตอนกลางคืนพอดี อ้อมเดินทางออกจากบ้านนอกที่ขอนแก่นแบบชิลๆและไปถึงกรุงเทพตอน5โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่เลิกงานพอดิบพอดี ด้วยความที่เราอยู่บ้านนอกลืมนึกไปว่ากรุงเทพรถติดมหาปลัย ในระหว่างที่นั่ง shuttle bus ไปสุวรรณภูมิเลยเข้าเวปเวียตเจ๊ตเพื่อที่จะเช๊คอินออนไลน์ แต่แล้ว......... ห่าคั่ว❗️❗️ เช๊คอินออนไลน์ไม่ได้จ้า เช๊คอินได้แค่ในประเทศ งานเข้าแล้วสิ รถก็ติด เช๊คอินก็ยังไม่เช๊ค มองออกไปข้างนอกเห็นวินมอไซค์ รีบกดปุ่มเพื่อลงทันที และแล้วรักแรกพบกับวินมอไซค์ก็เกิดขึ้น ใครไม่เคยนั่งไม่มีวันเข้าใจ ขาก็ต้องเกร็ง ตูดก็ต้องขมิบ พี่แกขับนี่เสียวยิ่งกว่าเล่นเรือเหาะที่ฮ่องกงอีกจ้า 

แทบจะโอบเอวเป็นเมียพี่วินแล้วมั๊ยล่ะอ้อมเอ้ย



อ้อมนั่งวินมอไซค์มาลงสถานีรถไฟ แอร์พอร์ตลิงค์ราชปรารถ ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุด ณ จุดที่ขึ้นวินมา พอลงจากวินมอไซค์รู้สึกว่าตัวเองมึนหัวมาก แทบจะเป็นลมเลย ไม่เคยนั่งวินที่ทั้งเกรง และเสียใขนาดนี้มาก่อน 5555 แอร์พอร์ตลิงค์ก็วิ่งช๊าช้า ลุ้นก็ลุ้นว่าจะตกเครื่องมั๊ย จะได้ไปมั๊ยทริปนี้ พอรถไฟหยุดเราก็รีบวิ่ง 4x100เลยจ้า มายืน งง หาดูไฟล์ตัวเองอีกว่าต้องเช๊คอินที่ช่องไหน และแล้วก็ทันแบบหวุดหวิดมากๆเจ้าหน้าที่ที่เค้าเตอร์บอกว่า อีก5นาทีเค้าเตอร์จะปิดเช๊คอินค่ะ (กะซางแหลวบอกเฮ็ดหยังฉันทันแหม๋) 


หลังจากเช๊คอินเรียบร้อยแล้วก็แลกเงินค่ะ โดยอ้อมแลกเป็นเงินดอลลาร์ค่ะ แล้วค่อยไปแลกเป็นเงินดองที่สนามบินโฮจิมินอีกทีค่ะ ✈️✈️✈️✈️ และแล้วก็ถึงโฮจิมินห์ ใช้เวลาเดินทาง 1ชั่วโมง 30นาที ขณะนี้เวลา 22:40น หลังจากที่เราลงเครื่องและเข้ามาในอาคารผู้โดยสารเรียบร้อยแล้วก็ทำการซื้อซิมค่ะ 5555 เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เลยแหละ แล้วเดินผ่า ตม.เข้ามา ที่นี้เค้าไม่ต้องเขียน Immigration นะคะ เดินเข้ามาแบบสวยๆเลย พอออกมาด้านหน้าอาคารเราก็มองหารถบัสเข้าเมืองค่ะ โดยสาย 109 หรือสาย 152 ไปลงที่ ฟามงูเหลา (Pham Ngu Lao) ซึ่งรถก็จะสุดสายที่นี่ พอถึงเค้าจะบอกเองค่ะว่า “ลง ลง สุดสายแล้ว ฟามงูเหลา ฟามงูเหลา” (แปลเวียดนามเป็นไทยแล้ว) เมื่อเราลงรถบัสเราก็ทำการเดินหาที่พักจากที่เราจองไว้ใน agoda ค่ะ โดยเปิด google map และเดินหา ห่างจากจุดจอดรถ 800 เมตรค่ะ ไม่ใกลมาก และที่สำคัญ ใกล้  walking street ด้วย 5555 ที่พักอ้อมจะเลือกพักเป็นแบบ Hostel ค่ะ (อ่านว่าโฮสเทล) แน่นอนแหละมันต้องต่างจาก Hotel เพราะ Hostelจะเป็นที่พักแบบนอนรวม ห้องน้ำรวม ความเป็นส่วนตัวน้อย แต่ประหยัด ทุกที่ที่อ้อมไปพักราคาแค่ 5 $ เท่านั้นนาจา ถือว่าประหยัดค่าโรงแรมไว้ไป กิน กิน กิน 555

Hostel ที่อ้อมพัก จะประมาณนี้ค่ะ 

หลังจากที่เข้าที่พักที่โฮจิมินท์แล้วอ้อมก็รีบไปจองตั๋วรถที่จะไปมุ่ยเน่ในวันรุ่งขึ้นทันทีค่ะ ซึ่งไม่ไหลจากที่พัก เดินไปมั่วๆค่ะแล้วก็เจอจริงๆ 5555 เป็นบริษัทรถทัวร์ของ futa bus เราก็เดินไปจองบอกว่าไปมุยเน่พรุ่งนี้ได้รอบ5โมงเย็นจ้า โอ๊ว 5โมงเลยหรอ กว่าจะถึงมุยเน่ก็ดึกสิ แต่ไม่มีทางเลือก เอาก็เอา พอได้ตั๋วรถบัสเป็นที่เรียบร้อยเราก็ไปเดินชมบาร์ที่มีแต่ ฝ. ยั๊วเยี๊ยเต็มไปหมด นึกว่าอยู่ยุโรป เดินไปสักพักก็หิวเพราะยังไม่ได้กินอะไรเลย เห็นร้านอะไรก็ไม่รู้มีผู้ชายนั่งกินอยู่หน้าร้าน และคนขายหล่อ เลยไปนั่งกินร้านนั้น เมนูที่ได้ก็คือ แท๊เด่ม

มาม่ากับแป๊ปซี่ 120,000 ดอง 

เช้านี้ที่โฮจิมินห์ หลังจากที่  check out ออกจากที่พักและแบกเป้ออกมาด้านหน้า สิ่งแรกที่เจอ โอ๊วววว สี่แยก ขุนพระ เราจะโดนรถชนตายมั๊ยเนี่ย ทำไมรถเยอะแยะสวนกันไปมาแบบนี้ เสียงแตรแต่ละคันก็ดังจนแสบแก้วหู หลังจากที่ยืนดูสถานการณ์คนข้ามถนนได้สักพัก ก็ไม่กล้าข้าม 5555 เราเลยรอให้มีคนท้องถิ่นจะข้าม และเนียนเดินตามเค้า ทำแบบนี้ทุกแยก 

อเมซิ่งอเมซอนมาก

ได้เวลาเดินเลาะโฮจิมินท์แล้วจ้า มาทำความรู้จักโฮจิมินห์กันนิสนึงดีกว่า โฮจิมินห์นั้นแต่เดิมชื่อเมือง ไซ่ง่อน และมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ซึ่งไซ่งอนเป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ เมื่อเวียดนามเหนือยึดได้เลยเปลี่ยนชื่อเป็น โฮจิมินห์ ซึ่งลุงโฮแกเป็นประธานาธิบดี เวียดนามเหนือสมัยนั้น (ลองไปอ่านประวัตลุงโฮดู แกน่าทึ่งมาก) โอจิมินห์ซิตี้เคยตกเป็นอานานิคมของฝรั่งเศษ และแน่นอนว่าตึกราบ้านช่องจึงเป็นแบบ  โคโลเนี่ยนสไตล์ มองไปทางไหนนึกว่าอยู่ยุโรปนั่นเอง 
ต่อไปนี้จะเป็นรูปรัวๆเลยนาจา ไม่พูดพร่ำทำเพลงละ ไปดูเมืองไซ่ง่อนกันแล๊ย 

Ho Chi Minh City Hall  (ที่ทำการของรัฐ) 

  Independence Palace (ทำเนียบอิสรภาพ) 

Saigon Central Post Office (ที่ทำการไปรษณีย์) 

Notre-Dame Cathedral Basilica of Saigon (โบถ์นอเธอร์ดาม) 

ตึกรึมถนน Nguyen Hue สถาปัตยกรรมแบบ โคโรเนียล

ตึกรึมถนน Nguyen Hue สถาปัตยกรรมแบบ โคโรเนียล

เดินหลงมาขณะกำลังไปบริษัทรถทัวร์ 

เป็นไงบ้างคะโฮจิมินห์ซิตตี้ เมืองที่มีมนเสหน์แห่งสถาปัตยกรรมเดินชิลไปทางไหนก็นึกว่าอยู่ยุโรป (เอยุโรปนี่เหมือนที่ดูในยูทูปมั๊ยนะ ต้องลองไปดูแล้วแหละ555) นอกจากภาพด้านบนที่นำมาฝากแล้ว โฮจิมินห์ยังมีร้านกาแฟ ชิคๆ เก๋ๆหลายร้าน มีมุมถ่ายรูปอีกหลายที่ มีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งรอให้ผู้คนทั่วทุกมุมโลกได้มาเยือนอีกเยอะเลย แต่วันนี้ต้องขอตัวไปขึ้นรถบัสเพื่อจะไปสถานีต่อไป นั่นก็คือ มุยเน่ เมืองแห่งทะเลทราย ............ 

Sleeping bus go to Mui Ne 

ใช้เวลาเดินทางจากโฮจิมินห์สู่มุยเน่4ชั่วโมง นิดๆ ด้วยรถนอน2ชั้น ขึ้นรถปุ๊ปก็หลับเลยจ้า 555 รถบัสคันนี้เค้าจะจอดส่งคุณที่หน้าโรงแรมเพียงแค่คุณบอกชื่อโรงแรมกับพนักงานเท่านั้นเองค่ะ คือดีเวอร์ ไม่ต้องไปเดินหาโรงแรมในเวลาค่ำๆ คืนนี้อ้อมก็นอนที่พักสไตล์เดิมค่ะ วันนี้มีรูมเมทด้วย2คน ตอนเราเข้าไปเค้าไม่อยู่ แต่พอเค้าเข้าห้องเค้าก็คุยกันแบบเงียบๆซุ๊ปซิบกันเพราะเกรงใจเรา คือดีอ่ะ เจอรูมเมทดีมีชัยไปกว่าครี่ง อิอิ และแล้วก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้ามากๆ รถทัวร์จะจองไปดาลัดก็ยังไม่จอง ทัวร์รถจิ๊บไปทะเลทรายก็ยังไม่รู้ว่าเวลาอะไรยังไง แต่ก็ชั่งเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ได้มาฉี่ใส่แล้วแหละมุยเน่ 555

ไปทำ MV เรา-สอง-สามคน ที่ทะเลทรายขาว มุยเน่ 

พอถึงตอนเช้า ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 6โมงเช้า แต่แล้วก็ปิดมันแล้วนอนต่อ (มาคนเดียวจะไม่มีคนกวนไปเที่ยวแบบนี้แหละ) นอนได้สักพัก รูมเมทที่อยู่ห้องเดียวกันนางก็ตื่นไปอาบน้ำและออกไปพร้อมกัน อ้อม เลยกลั้นใจตื่นเพราะเดี๋ยวไม่ได้ไปดาลัด ก่อนออกจากห้องรูมเมทนางเดินเข้ามาในห้องแล้วทักทายว่า Hello,how are you? โอ้ อัธยาศัยดีจังค่ะคุณ อ้อมก็คุยโต้ตอบไปประมาณ2-3ประโยคและเซกู๊ดบายเพราะสถานีที่เราจะไปวันนี้คือ ทะเลทรายขาว แต่ ณ เวลานั้นเป็นเวลา 9โมงกว่าเกือบสิบโมงได้ ซึ่งอ้อม ต้องเดินออกจากที่พักไปหาบริษัททัวร์ พอเดินไปได้สักพักเจอที่นึงที่มีรถจิ๊ปจอดอยู่ด้านหน้า อ้อมจึงเดินเข้าไปแบบไม่รอช้า แล้วถามว่า “จะไปดาลัดที่นี่ขายตั๋วมั๊ยคะ” ไม่ได้ตลกนะถามแบบนี้จริงๆ และรอบรถก็มีแค่รอบบ่ายโมงรอบเดียว เพราะรอบเช้ารถออกไปแล้ว มีเวลาอีกตั้ง2ชั่วโมง ไปถ่ายรูปทะเลทรายขาวซะหน่อยดีกว่า อ้อมถามพนักงานว่าเราอยากไปทะเลทรายขาวแบบไพรเวทโดยรถจิ๊ปและคนขับแต่ต้องกลับมาขึ้นรถไปดาลัดให้ทัน เราสามาถไปได้มั๊ย พนักงานบอกได้ อ๊าวไปสิคะรออะไร จ่ายเงินเสร็จสัพกระโดดขึ้นรถจิ๊บเลยจ้า ค่าเสียหาย 35$ อย่าบอกใผ๋เด้อ เรายอมจ่ายเพราะอยากไป อย่ามาว่าเราโง คนอื่นจ่ายแค่ 9-10$ ก็กูไปแบบไพรเวทอ่ะ ยูโน๊ ซื้อความเป็นส่วนตัว ไม่อยากไปรวมกับคนอื่น (จริงๆทัวร์เค้าจะมี2รอบค่ะ คือรอบเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้น กับรอบเย็นไปดูพระอาทิตย์ตก อ้อมนอกรอบเลยซื้อแบบไพรเวท อยากไปไหนแค่บอกคนขับรถ) 

ถนนมุ่งหน้าสู่ ทะเลทรายขาว 

สู่ความเวิ้งว๊างอันไกลโพ๊น 

รถจิ๊ปที่อ้อม เช่าไปเค้าจะจอดอยู่ค่อนข้างไกล แต่ก็จะมี ATV ให้เช่าขับเข้าไป ราคา 3แสนดอง เงินไทยเท่าไหร่ไม่รู้ อ้อม ไม่สนใจ เพราะ จะเดินนาจา ตอนมองคือแบบ อื้มก็ไม่ไกลมาก แต่พอเดินจริงๆ ขุนพระ 10นาทีผ่านไปยังไม่ถึงอีก เดินไปอีกสักพัก ไม่ไหวละ อายุอานามไม่ใช่น้อยๆ ถ่ายมันตรงนี้แหละ รูปที่ได้มาเลยไม่ค่อยสวยเหมือนคนอื่นเค้า เพราะเราอ่อน ใจไม่ถึง เดินไปไม่สุด 

นั่นยืนทำ MV เพลงอะไร 555 (ร้อนมาก เหนื่อยด้วย)

หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็เดินกลับค่ะ คือแบบว่า โอ๊ววววววว เหนื่อยสุดๆ ร้อนสุดๆ ใช้เวลาเดิน ไป-กลับ รวมถ่ายรูป 40 นาที ถ่ายรูปจริงๆแค่5นาทีได้ ที่เรามองเห็นว่ามันแค่ใกล้ๆ มันไม่ใช่เลย 
มุยเน่ไม่ได้มีแค่ทะเลทรายขาวนะคะ ยังมีอีกหลายที่ค่ะ ทั้งทะเลทรายแดง ทางผ่านค่ะแต่เวลาไม่มีเลยไม่แวะ แกรนแคนย่อน หมู่บ้านชาวประมง และอีกหลายที่ มุยเน่จะเป็นที่รู้จักกันในนามเมืองตากอากาศของประเทศเวียดนาม มีทั้งทะเล และทะเลทราย ต้องมาเยือนสักครั้งค่ะ บอกเลย 

ถึงเวลาขึ้นรถไปดาลัตกันแล้วค่ะ เราใช้เวลาเดินทางจากมุยเน่ถึงดาลัต 4ชั่วโมงนิดๆโดยประมาณ เมืองดาลัตเมืองที่แสนโรแมนติกอยู่ท่ามกลางหุบเขาปกคลุมไปด้วยต้นไม้และทิวสนเรียงราย และยังมีทั้งทะเลสาบที่เงียบสงบ อะไรจะฟินเบอร์นั้น ย่างกายลงจากรถบัสสัมผัสได้ถึงความเย็นเลยค่ะ อากาศดีมากๆ เราเดินจากจุดจอกรถไปที่พัก ประมาณ800เมตร ซึ่งที่พักที่ได้จองไว้นั้น วันนี้ดันไม่เปิดเพราะเป็นวันขึ้นปีใหม่ที่นี่(ตรุษจีน) เราก็ งง เด่ แต่โชคดีหน่อยยังไม่ค่ำ เลยหาที่พักแบบ โฮสเทลใกล้ๆแถวนั้นเยอะมากค่ะ ขึ้นใน agoda เต็มเลย หลังจากได้ที่นอนเป็นห้องรวมเตียง2ชั้น10กว่าเตียง #แต่นอนคนเดียว เราก็ทำการเดินเล่นชมเมืองสิจ๊ะรออะไร 

โรแม๊นส์มาก บอกเลย 

ที่นี่รถไม่ค่อยเยอะค่ะ เมืองเล็กๆเดินไปมาสดวก ในระหว่างทางก็จะมีร้านเฝอเต็มไปหมด เดินไปเดินมาก็หิว หิวก็ต้องกิน แต่เลือกไม่ถูกจริงๆค่ะว่าจะกินอะไร และอีกเมนูที่เยอะมากสำหรับที่นี่คือ พิษซ่าเวียดนามค่ะ เดินไปทางไหนก็เจอ แล้วเราก็มาจบที่ตลาด กินเฝอไปชามนึง รสชาติ ........ ไม่รู้สิ ลิ้นอ้อมมันไม่ค่อยถูกปากกับอะไรเท่าไหร่นัก เอาเป็นว่า พอกินได้แล้วกัน 

Da Lat market ตลาดเมือง ดาลัต

เช้านี้ที่ดาลัด วันนี้ไม่สายค่ะ เพราะเป็นวันที่จะต้องกลับบ้านแล้ว ถ้าสาย บอกได้คำเดียว #ตกเครื่องจ้า 5555 ตอนเช้าถึงแม้จะ8โมงแล้วแต่อากาศก็ยังเย็นสบายแม้มีแดด เราเดินเล่นไปเรื่อยๆ ชมเมืองดาลัตในระหว่างที่เดินหารถ  Shuttle Bus ก็เจอวิวเมืองดาลัดที่แสนจะโรเมนติก อยากมีแฟนพาแฟนมาโว๊ยยยยยยยยย 5555 ไปชมภาพรัวๆกันดีกว่า 

ทะเลสาบ ซวนเฮือง Xuan Huong Lake 

ระหว่างทาง 


สถาปัตยกรรมตึกรูปทรงดอกบัว 

เมืองดาลัตเราไม่ได้ออกนอกเมืองเลย เพราะเวลาไม่มี ทริปนี้มาล้างใจแบบรีบๆ เลยได้แค่ชมเมือง แวะจิบกาแฟ เวียดนามเป็นเมืองส่งออกกาแฟเป็นอันดับต้นๆเลยนะ ร้านกาแฟที่ดาลัตจะออกแนว กาแฟโบราณน่ารักๆ วัยรุ่นชอบมานั่งโชว์หวานโรแมนติก เห็นแล้วแบบ ขนลุก 5555อะไรจะหวานเบอร์นั้น 
และแล้วก็ได้เวลาเดินมาขึ้น shuttle bus ไปยังสนามบิน ด้วยเวลาที่หวุดหวิดมากๆเช่นเคย 

จุดจอด shuttle bus หลัง Big C นาจา 

ใช้เวลาเดินทางจากเมืองดาลัตถึงสนามบิน 40 นาทีโดยประมาณ ไม่รู้กี่กิโล แต่รถวิ่งเร็วมาก เพราะ2เมืองที่ผ่านมารถวิ่งช้ากว่านี้ สรุปทริปล้างใจ ใช้เงินไป 6000 บาท ไม่รวมตั๋ว ไม่ได้ซื้ออะไรติดไม้ติดมือเลย จะหมดไปกับค่ากินกับค่ารถซะส่วนใหญ่ เพราะที่พัก3คืนน่าจะแค่1000บาท 
สำหรับทริปนี้ ก็มีแต่เพียงเท่านี้ อ้อ ลืมไป คนที่นี่ไม่ค่อยพูดภาษาอังกษฤ จะพูดแค่บริษัททัวร์ บริษัทรถ โรงแรม เวลาไปกินข้าว แนะนำให้กินร้านที่มีเมนูและบอกราคาอย่างชัดเจนนะคะ ปลอดภัยไว้ก่อน 


Bye Bye 

ทริปล้างใจ EP.2 คลิปเต็ม 















ความคิดเห็น